ในช่วงฤดูฝนที่ฝนตกแทบทุกวัน หลายคนอาจกังวลว่า ไม้อัด ที่ใช้ในการตกแต่งบ้านหรือทำเฟอร์นิเจอร์จะสามารถทนต่อความชื้นและน้ำฝนได้มากแค่ไหน เพราะ ไม้อัด ถือเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมมาก ด้วยราคาย่อมเยา ใช้งานง่าย และให้ลวดลายสวยงามเหมือนไม้จริง แต่เมื่อพูดถึงเรื่อง “ฝน” และ “ความชื้น” ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
ไม้อัดคืออะไร และทำไมจึงนิยมใช้กันมาก
ไม้อัด คือวัสดุที่ผลิตจากการนำแผ่นไม้บางๆ มาซ้อนเรียงกันหลายชั้น โดยใช้กาวคุณภาพสูงยึดติดเข้าด้วยกัน แล้วอัดด้วยแรงดันและความร้อน ทำให้ ไม้อัด มีความแข็งแรงกว่าไม้ธรรมชาติในบางกรณี อีกทั้งยังสามารถตัดแต่งง่าย เหมาะกับงานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และงานตกแต่งภายในหลากหลายประเภท
จุดเด่นของ ไม้อัด คือมีน้ำหนักเบา ไม่บิดงอง่าย และมีให้เลือกหลายเกรด ตั้งแต่ไม้อัดทั่วไป ไปจนถึงไม้อัดกันน้ำ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย
ไม้อัดทนฝนได้แค่ไหน?
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ไม้อัด ทนฝนได้ไหม?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับชนิดของ ไม้อัด ที่เลือกใช้
- ไม้อัดทั่วไป (Plywood เกรดธรรมดา) ไม่เหมาะกับการโดนน้ำหรือความชื้นโดยตรง เพราะอาจทำให้กาวหลุด ชั้นไม้บวม หรือขึ้นราได้
- ไม้อัดกันน้ำ (Waterproof Plywood หรือ Marine Plywood) ผลิตด้วยกาวกันน้ำและกระบวนการอัดพิเศษ ทำให้ทนต่อสภาพอากาศชื้นได้ดี เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการโดนน้ำ เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือบริเวณภายนอกอาคารบางส่วน
หากต้องการใช้ ไม้อัด ในพื้นที่ที่อาจโดนฝน ควรเลือก ไม้อัดกันน้ำ ที่มีมาตรฐานรับรอง และทาน้ำยากันชื้นเพิ่มเติม เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น
เคล็ดลับดูแลไม้อัดให้ทนฝน ทนชื้น
แม้ว่า ไม้อัดกันน้ำ จะช่วยป้องกันความเสียหายได้ระดับหนึ่ง แต่การดูแลรักษาก็สำคัญไม่แพ้กัน
- ทาน้ำยาเคลือบผิวไม้อัด เช่น แล็กเกอร์ หรือน้ำยาเคลือบกันน้ำ จะช่วยลดการดูดซึมความชื้น
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งในจุดที่โดนน้ำโดยตรง เช่น ฝนสาดหรือพื้นเปียก
- เช็ดให้แห้งเสมอ หากมีน้ำหรือความชื้นตกค้างบนผิวไม้อัด
- ตรวจเช็กสภาพไม้อัดเป็นระยะ หากพบว่าชั้นไม้เริ่มบวม หรือมีเชื้อรา ควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที
🌿 สรุป: เลือกไม้อัดให้เหมาะ ฝนตกหนักแค่ไหนก็เอาอยู่
สุดท้ายแล้ว ไม้อัด สามารถรับมือกับฝนได้ หากเลือกชนิดที่ถูกต้องและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะ ไม้อัดกันน้ำ ที่ผลิตมาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศชื้นโดยเฉพาะ การเลือก ไม้อัดคุณภาพดี ตั้งแต่ต้น จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว
