1. เลือกไม้อัดให้เหมาะกับประเภทงาน
การเลือกไม้อัดควรเริ่มจากการดูประเภทของงาน เช่น
- งานเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป แนะนำใช้ ไม้อัดยาง เพราะมีความแข็งแรงและราคาไม่สูง
- งานตกแต่งภายใน แนะนำใช้ ไม้อัด MDF หรือ ไม้อัดลามิเนต ที่มีผิวเรียบและสวยงาม
- งานในพื้นที่ชื้น เช่น ห้องน้ำหรือห้องครัว ควรเลือก ไม้อัดกันน้ำ (Marine Plywood) เพื่อป้องกันการบวมและเชื้อรา
- งานภายนอกอาคาร ควรเลือก ไม้อัดเกรดพิเศษ ที่ทนแดดและฝนได้ดี
2. ตรวจสอบเกรดของไม้อัด
ไม้อัดมีหลายเกรด ซึ่งแต่ละเกรดจะบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อไม้และการอัด เช่น
- ไม้อัดเกรด A ผิวเรียบ สวย เหมาะกับงานโชว์ผิว
- ไม้อัดเกรด B มีรอยบ้างเล็กน้อย เหมาะกับงานที่ปิดผิวหรือทาสีทับ
- ไม้อัดเกรด C หรือ D ราคาถูก เหมาะกับงานชั่วคราว หรืองานโครงสร้างที่ไม่เน้นความสวยงาม
การรู้จักเกรดไม้อัดจะช่วยให้คุณเลือกไม้อัดได้ตรงกับงบประมาณและลักษณะงานมากขึ้น
3. ตรวจสอบความหนาและขนาดของไม้อัด
ไม้อัดมีหลายความหนา เช่น 3 มม., 6 มม., 9 มม., 12 มม. และ 18 มม.
ควรเลือกไม้อัดให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น
- งานผนังหรือฝ้า ใช้ไม้อัดบาง 3–6 มม.
- งานพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ ใช้ไม้อัดหนา 12–18 มม.
ขนาดมาตรฐานของไม้อัดคือ 4×8 ฟุต (122×244 ซม.) ซึ่งเป็นขนาดที่หาได้ง่ายในท้องตลาด
4. สังเกตคุณภาพของผิวไม้อัด
เวลาซื้อไม้อัด ควรดูว่าผิวไม้เรียบ ไม่มีรอยแตก รอยบวม หรือรอยหลุดของชั้นไม้ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ไม้อัดเสียรูปหรือใช้งานได้ไม่นาน
5. เลือกร้านขายไม้อัดที่น่าเชื่อถือ
ควรเลือกซื้อไม้อัดจากร้านที่มีมาตรฐาน มีการรับประกันคุณภาพ และสามารถให้คำแนะนำเรื่องการเลือกไม้อัดได้อย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ไม้อัดที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับงานของคุณ
สรุป จะซื้อไม้อัดควรเลือกอย่างไร
การเลือกซื้อ ไม้อัด ให้ได้คุณภาพดีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงพิจารณาจากประเภทงาน เกรดไม้ ความหนา และคุณภาพของผิวไม้ รวมถึงเลือกร้านค้าที่ไว้ใจได้ ก็จะได้ไม้อัดที่เหมาะสมกับการใช้งานและคุ้มค่ากับราคา
ไม่ว่าจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งบ้าน หรืองานก่อสร้าง ถ้าเลือกไม้อัดให้ถูกประเภท คุณจะได้ผลงานที่สวยงาม แข็งแรง และใช้งานได้ยาวนาน